วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2553
ขำขำ
น้องหมา ชื่อน้องนวล คิดเลขได้ เก่งมั้ยค่ะ
หมาที่ไหนคิดเลขได้ เจ๋งมั้ย ปลื้มสุดๆค่ะ
คราวหน้าจะลองฝึกน้องหมาที่บ้านค่ะ
วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552
เงิน 20 บาทมีความหมายกับคนบางคน
ใน ขณะที่ใครหลายๆ คนกินอิ่ม นอนหลับอยู่ในบ้านที่แสนสบาย ใช้เงินฟุ่มเฟือยเต็มสูบไม่มีจำกัด อยากได้อะไรซื้อ อยากกินอะไรกิน ทิ้งๆ ขว้างๆ บ้างตามประสาคนเหลือกินเหลือใช้ แต่ในอีกมุมหนึ่ง...กลับมีคนที่ยอมเดินด้วยเท้า จากจังหวัดอุบลราชธานี ไปยังจังหวัดอยุธยา ด้วยระยะทางไกลมากว่า 600 กิโลเมตร เพียงเพื่อเงินวันละ 20 บาทเรื่อง ที่ทางทีมงานจะขอนำเสนอต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่เพื่อนสมาชิกเว็บไซต์ พันธ์ทิพย์ดอทคอม ประสบเหตุการณ์ด้วยตัวเอง และอยากนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ได้ฟัง ซึ่งเขาก็เล่าว่า ... ผมและครอบครัวได้เดินทางไปเที่ยวจังหวัดอยุธยา ระหว่างทางก่อนที่จะถึงจุดหมาย ผมได้มองไปข้างทางและเห็นชายแก่คนหนึ่งใส่เสื้อสีขาว กางเกงขายาวสีน้ำเงิน กำลังเดินอยู่ข้างทางแบกถุงปุ๋ย พร้อมห่อผ้าขาวม้า 1 ห่อ เดินกลางแดดกลางวันร้อนๆ ยามบ่าย ผมจึงให้แฟนจอดรถและลงไปถามชายชราคนนั้นว่าผม : ตาจะไปไหน ทำไมมาเดินตากแดดแบบนี้เล่าตา : (ยิ้ม) จะไปอยุธยาผม : ตาจะไปทำไมที่อยุธยา ไปหาใครเหรอตา : ไปรับจ้างเลี้ยงวัว มีคนเขาบอกว่าที่อยุธยา มีคนเขาหาคนเลี้ยงวัวผม : เขาจ้างวันละเท่าไหร่ ตารู้จักเขาเหรอตา : เขาจ้างวันละ 20 บาท มีที่พักให้ด้วย (ตาหมายถึงนอนกับวัวเลย) ตาไม่รู้จักเขาหรอก ที่ไปนี้ก็ต้องไปถามเขาอีกทีว่าใครจะจ้างตาเลี้ยงวัวบ้างผม : แล้วใครบอกตาว่าที่อยุธยาเขาหาคนเลี้ยงวัวตา : คนแถวบ้านตาบอก เขาพูดกันว่าที่อยุธยามีคนเขาหาคนเลี้ยงวัวเยอะผม : ตามาจากไหนละ มาคนเดียวเหรอ แล้วยายไปไหนล่ะตา : ตามาจากอุบลฯ ตามาคนเดียว เพราะยายตายแล้วผม : ลูกๆ ไม่มีเหรอตาตา : มีลูก 2 คน ชายคน หญิงคน มีครอบครัวกันหมดแล้ว ไม่เคยเห็นหน้ามาหลายปีแล้ว ยายตายนี่พวกมันยังไม่รู้เลยผม : แล้วทำไมตาไม่อยู่บ้าน หางานแถวบ้านทำล่ะตา : ตาไม่มีบ้าน พอยายตาย พี่น้องยายเขาก็ไม่ให้อยู่ในที่ของเขา งานแถวบ้านมี แต่เขาไม่จ้างตาทำ เขาบอกว่าตาแก่แล้ว ทำอะไรช้าไม่ทัน เขาก็ไม่จ้างตาผม : แล้วตามาถึงที่นี่ได้อย่างไงตา : ตาเดินมาเรื่อยๆผม : เดินมาจากอุบลฯ นะเหรอตา ทำไมไม่นั่งรถเมล์มาล่ะตา : (ยิ้ม) ตาไม่มีตังค์ (ควักเงินออกมาให้ดู ซึ่งในมือตามีเงิน 15 บาท เหรียญ 5 บาท 1 เหรียญ ที่เหลือเป็นเหรียญบาทเก่าๆ สีเขียว)ผม : แล้วตาออกจากอุบลฯ มาวันไหนตา : หลังสงกรานต์ 2 วัน (ยิ้ม)ผม : แล้วตาเอาอะไรมาด้วย นี่ห่ออะไรที่ตาถือมาตา : อ๋อ ห่อกระดูกยาย กับถุงเสื้อผ้าตาผม : แล้วตากินอะไรอยู่ตา : เดินผ่านร้านที่เขาขายมันต้ม แม่ค้าเขาเลยให้ตามากินฟรีๆ ไม่เอาตังค์ตาด้วยผม : (สายตาของผมมองไปที่เท้าของตา เห็นรองเท้าของตามีกระดาษติดที่ส้น) กระดาษติดที่เท้าตานะ ระวังหกล้มตา : (ยิ้ม) อ๋อ ตาเอามันมารองที่เท้าตาเอง เพราะส้นรองเท้ามันขาดแล้ว เวลาเดินมันร้อนส้นเท้าผม : แล้วนั่นน้ำอะไรจ๊ะตา (เห็นน้ำสีน้ำตาลในขวดสีขาวขุ่นมากๆ วางอยู่ข้างๆ ตา)ตา : น้ำกินตาเองหลัง จากนั่งคุยกับตาแกไปเรื่อยๆ ก็ได้รู้ว่า ตา อายุ 76 ปีแล้ว แต่ผมดันลืมถามชื่อแกมา รู้แต่ว่าสิ่งที่ได้สังเกตเห็นตลอดเวลาคือ เนื้อตัวค่อนข้างเลอะ มีรอยยุงกัดตามตัวเยอะมาก เพราะแกบอกว่าอาศัยนอนข้างถนน นอนศาลา และดวงตาของแกฝ้ามัวมาก เหมือนมีเส้นใยบางๆ ในดวงตา และอีกสิ่งหนึ่งที่เห็นก็คือ "รอยยิ้ม" ที่ เห็นฟัน 1 ซี่ ของแกมีมาให้ตลอดเวลาระหว่างที่สนทนากัน ทำให้ผมรู้สึกว่าตาเป็นคนอารมณ์ดี จากนั้นผมจึงได้ส่งร่มในมือที่ถือก่อนลงจากรถให้แกไว้ใช้ พร้อมเงินอีก 190 บาท (เพราะมีอยู่แค่นั้น) ซึ่งตอนที่แกได้ร่ม ตาแกดีใจมาก ยิ้มตลอดเวลา ในใจแกคงคิดว่าต่อไปนี้แกคงไม่ต้องเดินร้อนแล้วล่ะ อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมตาแกไม่ไปบวช หรือขอข้าววัดกิน เรื่องนี้พวกเราคุยกันว่า ตาแกยังคงอยากทำงานหาเลี้ยงตัวเอง ไม่อยากจะขออาศัยวัดกิน มีมือมีเท้าก็อยากทำให้เกิดประโยชน์บ้าง …...และ นี่คือตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า ยังมีคนอีกจำนวนมากต้องปาดกัดตีนถีบเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง รู้แบบนี้แล้วทำไมไม่ลองมองย้อนมาดูตัวเอง ว่าวันนี้คุณ "พอเพียง" แค่ไหนกัน ? ทั้งนี้ผู้เล่าประสบการณ์ คิดได้ว่า เขาโชคดีเหลือเกินที่มีกินมีใช้ เกิดมาไม่ลำบาก มีพ่อแม่ มีเงินให้ใช้ แต่หลังจากเจอตาแล้วทำให้เขาคิดได้ว่า ต่อไปนี้เขาต้องรู้จักใช้เงิน รู้คุณค่าของเงินมากขึ้น เผื่อวันหน้าจะได้ไม่ลำบาก

แปลกมั๊ย..ใคร ๆ ก็คิดว่าเวลากับนาฬิกาเป็นสิ่งที่คู่กันเสมอจริง ๆ แล้ว มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นซักหน่อยเวลา... เดินไปข้างหน้านาฬิกา.. เดินอยู่ที่เก่าเวลา.. เราไม่อาจย้อนกลับนาฬิกา.. เราหมุนย้อนมันได้เวลา.. เมื่อสูญเสียไปแล้วไม่อาจเรียกร้องคืนนาฬิกา.. เสียก็ซ่อม หรือซื้อใหม่ไปเลยเวลา.. ได้มาฟรีๆ ไม่ต้องแลกกะอะไรนาฬิกา.. ยิ่งสวยยิ่งแพง ใช้เงินซื้อมันมาทั้งนั้นแล้วอย่างนี้ มันจะคู่กันได้ยังไง ในเมื่อมันแตกต่างกันเหลือเกินแต่ถามหน่อย.. ถ้าไม่มีนาฬิกา จะรู้เวลามั๊ยหรือถ้ามีแต่นาฬิกา แต่ไม่รู้จักเวลา จะมีประโยชน์อะไรถึง 2 สิ่งจะแตกต่างกัน แต่ถ้ามันจะคู่กันแล้วย่อมมีจุดร่วมกันเสมอ เพียงแต่จะมองเห็นมันรึป่าว?ฉันกับเค้า.. อาจไม่มีอะไรเหมือนกันฉันกับเค้า.. มีความคิด และวิถีชีวิตที่ต่างกันฉันกับเค้า.. อาจเดินกันคนละเส้นทางฉันกับเค้า.. อาจมีความฝันที่ห่างไกลกันฉัน.. อาจเหมือนกับเวลา ที่ชอบเดินไปข้างหน้า หาสิ่งใหม่ๆที่ท้าทาย โดยทิ้งหลายสิ่งไว้ข้างหลังเค้า.. อาจเหมือนกับนาฬิกา ที่ยังเป็นแบบเดิมๆ ใช้ชีวิตและทำหน้าที่ไปเรื่อยๆ ในมุมเก่าๆฉันอาจไม่พบกับเค้าเลย ถ้าฉันยังดึงดันจะมองแต่ข้างหน้าฉันอาจไม่พบกับเค้าเลย ถ้าฉันไม่มองไปข้างหลังเค้ายังไม่เห็นฉัน เพราะเขายังอยู่แบบเดิมๆเค้ายังไม่เห็นฉัน เพราะเขายังก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของเขาไปแต่ฉันยังเฝ้ามอง เฝ้ารอ … ความแตกต่าง อาจสร้างกำแพงบังเค้าไว้แต่ฉันยังเชื่อมั่น ว่าซักวัน สิ่งนั้นน่ะแหละ ที่จะเชื่อมโยงใจเราเข้าหากันความแตกต่าง จะเติมเต็มส่วนที่เราขาดหายและสุดท้ายก็จะเหลือเพียงแค่คำว่า..**กันและกัน **
วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)